จุดเสี่ยง!! ในโรงงานอุตสาหกรรม มีผลต่อชีวิต
จุดเสี่ยง!! ในโรงงานอุตสาหกรรม มีผลต่อชีวิต
หนุ่ม สาว โรงงาน ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นในรูปของการใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อการผลิต ในรูปสารละลาย หรือสารผสม ซึ่งสารเหล่านี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพที่ทุกคนต้องตระหนักและหาวิธีดูแลตนเอง
ข้อเสียจากสารเคมีต่างๆ ที่ผลิตในโรงงานหลักๆ มีดังนี้
- ก๊าซพิษ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ จากโรงงานที่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์เมื่อสูดหายใจก๊าซนี้เข้าไปนานๆ ทำให้เม็ดเลือดไม่สามารถดูดก๊าซออกซิเจนได้เพียงพอส่งผลให้หมดสติ หรือถึงขั้นตายได้
- สารละลาย เมื่อสูดไอระเหยหรือเผลอดื่มสารละลายที่เป็นพิษเข้าไปภายในร่างกายจะมีอาการทางประสาท และอันตรายถึงตายได้ อย่างเมทธิลแอลกอฮอล์โดยปกติใช้จุดไฟหากคนเราไม่ระมัดระวังสูดไอระเหยหรือดื่มเข้าไปจะเกิดภาวะเป็นกรดในร่างกายมีอาการเพ้อ สายตามองไม่เห็น บางทีเกิดหมดสติได้
- ฝุ่นละออง หากสูดเข้าปอดมากๆจะเกิดการอักเสบของปอดได้ พบบ่อยมากที่สุด คือ ฝุ่นทรายที่มีสารซิลิคอนเมื่อเข้าปอดจะเกิดปฏิกิริยาในปอดรุนแรงมากและยังเกิดวัณโรคได้ง่าย หากเป็นฝุ่นผ้าย,ฝุ่นโรงสีข้าว,ฝุ่นจากชานอ้อยแห้ง,ฝุ่นเกสรฟางข้าวจะไม่รุนแรงมากเพียงแต่หลอดลมส่วนปลายหดตัวมีไอบางครั้งหอบได้
- สารเคมีจำพวกโลหะ ที่พบบ่อยคือพวกตะกั่ว เมื่อเรารับเอาสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายทีละน้อยๆสารเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในเยื่อกระดูก กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อไม่มีแรง ข้อมือข้อเท้าตก ในสมองจะมีอาการฟุ้งซ่านเพ้อคลั่ง นอนไม่หลับ หากผู้ป่วยมีอาการของพิษตะกั่วมากดูที่เหงือกจะพบเป็นเส้นๆสีน้ำเงิน
นอกจากนี้ สภาพสิ่งแวดล้อมในโรงงานที่ไม่เหมาะสมส่งผลให้คนทำงานจะเสี่ยงกับอันตรายได้ง่าย เช่น ร้อนจัด หนาวจัด แสงสว่างไม่มากพอเสียงดังเกินไป ความกดดันของอากาศ และความสั่นสะเทือน ตลอดจนทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงและอาจทำให้คนงานได้รับอันตรายจากการใช้เครื่องจักรกลต่างๆ ด้วย
- ความสั่นสะเทือนจากเครื่องมือ เช่นเครื่องเจาะถนน เจาะหิน ตอกหมุด ขัดพื้น ทำให้คนงานมีอาการอักเสบของข้อมือข้อไหล่ได้มาก
- เสียงดัง เช่น หากคนทำงานในสถานที่เกิดเสียงดังนานๆทำให้ประสาทของหูพิการได้ ดังนั้น จึงควรมีเครื่องอุดหูเพื่อลดความดังจากงานดังกล่าวได้
- ความร้อน อุณหภูมิของคนเราปกติเท่ากับ 37องศาเซลเซียส ได้จากการเผาผลาญสารอาหาร และการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายหากร่างกายได้รับเพิ่มจากสภาพภายนอกมาก เช่น แสงอาทิตย์ จากแหล่งไฟ เช่น เตาไฟฟ้าเตาถ่านหิน และอื่นๆ หากไม่มีการถ่ายเทของอากาศ แล้วร่างกายปรับไม่ทัน อาจทำให้เป็นลมไข้สูงตัวร้อนและตะคริว อย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนมีอาการอ่อนเพลียอีกด้วย
- ความเย็น เมื่อคนทำงานในห้องเย็น ด้วยความเย็นจัดทำให้เส้นเลือดฝอยตีบเล็กลงหรือเกิดการตายของบริเวณที่ขาดเลือดไปเลี้ยงได้ จะพบมากบริเวณปลายมือ ปลายเท้าจมูกและใบหู เป็นต้น
- พลังงานเกิดจากแม่เหล็กไฟฟ้า จะเป็นพลังงานที่ออกมาเป็นรูปของคลื่นแสงเช่น คลื่นแสงอุลตร้าสีม่วง และคลื่นความร้อน เช่น ไมโครเวฟถ้าถูกแก้วตาทำให้เกิดต้อกระจกตาบอกได้
หรือโรคที่เกิดจากการทำงานกลางแดด เช่น ชาวนากลาสีเรือ และทำงานเกี่ยวกับการใช้เรด้าร์, แสงอุลตร้าสีม่วงหากถูกผิวหนังนานๆเกิดอักเสบกลายเป็นมะเร็งได้ แสงและความร้อนเกิดการเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้าหากไม่มีเครื่องป้องกันจะทำให้ผู้ทำงานเกิดอักเสบบริเวณผิวหนังและปวดแสบ ตลอดจนเยื่อบุตาอักเสบหากนานเข้าอาจทำให้แก้วตาขุ่นมัว ถึงขั้นตาบอกได้
- กัมมันตภาพรังสีเกิดจากสารกัมมันตภาพรังสีในเหมืองพลังงานปรมาณูและงานรังสี-เอกซ์ เมื่อสัมผัสนานๆอาการถึงขั้นรุนแรงได้ เช่น ผิวหนังอักเสบ เกิดแผลตาเป็นต้อกระจก ไขกระดูกถูกทำลายเป็นต้น
เพราะฉะนั้น การทำงานในโรงงานต่างๆถึงแม้จะดูเหมือนไม่มีผลเสียอะไร แต่เมื่อร่างกายสัมผัสหรือสูดอาการหายใจไปนานๆทำให้เกิดการสะสมของสารพิษต่างๆ ในไม่ช้าอาการที่แสดงผลจากร่างกายก็จะปรากฏขึ้นมาดังนั้น อย่ารอให้ถึงวันที่คุณไม่สบาย ต้องรู้จักหาอุปกรณ์ช่วยป้องกันขณะทำงานสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม และต้องดูแลตนเองอย่าเคร่งครัดด้วย
สำหรับผู้ประกอบการหรือเจ้าของโรงงานต่างๆหากต้องการคนทำงานที่มีประสิทธิภาพ จึงควรใส่ใจเรื่องของความปลอดภัยทางด้านกายภาพและภายนอกและภายในร่างกายของคนทำงานด้วยถ้าให้ดีควรจัดกิจกรรมตรวจสุขภาพประจำเดือนด้วย เพื่อหลีกเหลี่ยงปัญหาและผลกระทบต่อคนงานและการทำงาน
อีกประเด็นที่สำคัญมากที่สุด คือเมื่อเราต้องการทำงานในโรงงานอย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเจ้าของโรงงานได้งานที่ดีมีคุณภาพตรงตามเป้าหมาย ต้องทำให้พื้นที่ให้มีอากาศถ่ายเท เย็นสบายและตัวช่วยสำคัญสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปคือ การติดตั้งพัดลมขนาดยักษ์ เพื่อสร้างกระแสลมระบายอากาศ และระบายพื้นที่อับชื้นที่ส่งผลเสียต่อผลิตภัณฑ์และคนงาน โดยพัดลมขนาดยักษ์ประเภทติดเพดานจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะมีประสิทธิภาพต่อการกระจายลมได้ทั่วถึงกว่าพัดลมตั้งพื้น